คณะผู้อำนวยความเป็นธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รุ่นที่ 6 เข้าดูงาน ศาลจังหวัดสงขลา
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2553 เวลา 09.00 นาฬิกา นายสมศักดิ์ ประณิธิพงศ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลา ได้มอบหมายให้ นางสาวไปรยา เจริญประกอบ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสงขลา เป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลแก่คณะผู้อำนวยความเป็นธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. รุ่นที่ 6 จำนวน 40 คน โดยมี นายปรารภ เทพรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดสงขลา กล่าวต้อนรับ ณ ห้องประชุมใหญ่ศาลจังหวัดสงขลา
ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เข้า มามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ในสมัยรัฐบาลที่มี ฯพณฯพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบโดย ตรง
- ในระดับพื้นที่มีแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้กํากับ
ศอ.บต. รับผิดชอบงานฝ่ายพลเรือน
และ พตท . 43 รับผิดชอบงานด้านป้องกันและปราบปรามการก่อการร้าย
ต่อมาในปี 2539 นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอํานวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาค ใต้ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเป็นองค์กรในระดับนโยบาย
- โดย ศอ.บต. จะอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของปลัดกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบงานภารกิจงานด้านฝ่ายพลเรือนและตํารวจ
- ในส่วนของงานด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย จะมีกองทัพภาคที่ 4/กอ .รมน . ภาค 4 เป็นผู้รับผิดชอบกํากับดูแล กอ.รมน. จังหวัด และกองบัญชาการผสมพลเรือน ตํารวจ ทหาร ที่ 43
ในปี พ .ศ . 2545 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการยุบ ศอ.บต.
- โดยให้โอนอํานาจของคณะกรรมการ การอํานวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปเป็นของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
- อํานาจหน้าที่ของ ศอ.บต. ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ทําหน้าที่ในการดู แลบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในลักษณะของการบูรณาการ
- อํานาจหน้าที่ของ พตท . 43 ให้โอนไปเป็นของกองทัพ ภาคที่ 4 / กอ .รมน ภาค 4
ใน ปีพ .ศ . 2547 ได้มีคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 69/2547 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2547 ลงนามโดย พลเอกเชาวลิตยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีให้กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน จัดตั้งกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายใน ส่วนหน้าใช้ชื่อว่า “กองอํานวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้” เป็นศูนย์ควบคุมและแกนหลักในการประสาน การปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้และต่อมาได้มี
- คําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 200/2548 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
- โดยมีกองอํานวยการเสริมสร้างสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.)
- ศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
- ศูนย์ประสานข่าวกรองแห่งชาติ ขึ้นตรงต?อ กสชต. โดย กสชต. จะควบคุมทางยุทธการ ต่อ กอ .สสส .จชต . กองทัพภาคที่ 4 ส่วนหน้า กองบัญชาการตํารวจภู ธรภาค 9
สถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชาย แดนภาคใต้เกิดขึ้นและดําเนินการอย่างต่อเนื่องและความรุนแรงของการก่อเหตุใน ช่วงแรกยังอยู่ในระดับต่ำ แต่สันนิฐานว่า การปลูกฝังอุดมการณ์การปรับเปลี่ยน และการเตรีมจัดตั้งองค์กรใหม่ น่าจะอยู่ในช่วงแห่งการฝังตัว
- จนเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ได้เกิดเหตุปล้นกองพันพัฒนาที่ 4 อําเภอเจาะไอร้อง และเกิดเหตุการณ์กรือเซะ เมื่ อวั นที่ 28 เมษายน 2547 มีผู้เสียชีวิต 108 คน
- รวมทั้งเหตุการณ์ที่ตากใบ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 มีผู้เสียชีวิต 85 คน หลังจากนั้นการก่อเหตุร้ายเกิดขึ้นเกือบเต็มพื้นที่สูงผลให้เกิดปัญหาติดตาม มาในหลายมิติ เช่น
1. มิติความรุนแรงของสถานการณ์ได้แปรเปลี่ยนไปในการมุ่งร้ายต่อเจ้าหน้าที่ของ รัฐและประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีการลอบวางระเบิดซุ่มโจมตีฐานที่ตั้งและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามจุด ต่างๆ มีการฆ่าแล้วเผา หรือตัดคอที่แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม เพื่อให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว และไม่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่รัฐ
2. มิติของความรู้สึกของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้และคนทั่วไป ส่งผลต่อ ปัญหาในการดําเนินนโยบายสมานฉันท์อย่างมาก เพราะประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจ ซึ่งกันและกันมากขึ้นโดยเฉพาะในชุมชนที่มีทั้งประชาชนชาวไทยพุทธและชาวไทย มุสลิมขณะเดียวกันประชาชนชาวไทยในจังหวัดอื่นๆ ก็มีความรู้สึกหวาดระแวงและรังเกียจ พี่น้องชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
มิติด้านเศรษฐกิจ ที่เป็นผลสื่อเนื่องจากเหตุ การณ์ความไม่สงบเรียบร้อยนั้น เป็นปัญหาอย่างมากต่อระบบเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะไม่มีการลงทุน เพิ่มขึ้นในพื้นที่อัตราการขยายตัวของ GPP ลดลงจาก 3.19 % ในปี 2546 เหลือเพียง 1.04 % ในปี 2549
มิติด้านสังคม มีปัญหาอย่างมากต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุก คนอยู่ภายใต้ความกดดัน และมีปัญหาด้านสุขภาพจิต ขาดความเป็นอิสระในการใช้ชีวิตด้านคุณภาพการศึกษาตกต่ำลง ผลกรรม O-Net ของ 3 จชต. อยู่ลําดับสุดท้ายของประเทศ ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงปัญหาด้านสาธารณะสุขซึ่งอยู่ลําดับสุดท้ายของประเทศอย่างต่อ เนื่องมาตลอด
มิติด้านการเมืองการปกครอง ส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือปัญหาเจ้า หน้าที่ของรัฐ ไม่กล้าลงพื้นที่ในการปฏิบัติงาน ข้าราชการขอย้ายออกนอกพื้นที่ทําให้เกิดปัญหาต่องานบริการของรัฐ ที่มีต่อประชาชนจนกลายเป็นปมปัญหาที่ฝ่ายตรงข้ามได้นําไปใช้เป็นประโยชน์หา แนวร่วม
การขยายตัวของปัญหาที่ติดตามมาในหลายมิติ ทําให้รัฐบาลได้จัดตั้ง กอ .รมน . ขึ้นมาเป็นศูนย์กลางในการกําหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ ความมั่นคง และเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ดํา เนินงานด้านความมั่นคงควบคู่กับงานด้านการพัฒนา
- ได้มีคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 206/2549 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2549 เรื่อง นโยบายเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นมาเป็นกรอบการปฏบัติงาน
- ได้มีคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ 207/2549 เรื่อง “การบริหารราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ” ขึ้นมาโดยมีการจัดตั้ง ศอ .บต . เป็นหน่วยงานภายในสํานักนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาภายใต้การกํากับดูแลของ กอ .รมน . และ พตท . เป็นหน่วยงานภายใต้ กอ .รมน . ภาค 4 ซึ่งได้มีการแบ่งภารกิจ ระหว่าง 2 หน่วยงาน เพื่อปฏิบัติงานตามนโยบายเสริมสร้างสันติสุข ดังนี้
ศอ .บต . ดูแลเรื่องงานด้านการเมืองและการพัฒนา
ส่วน พตท .ดูแลด้านการทหารและการข่าว
- ผอ .ศอ .บต . ได้รับการแต่งตั้ง ให้มาปฏิบัติงาน ตามคําสั่ง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 และปฏบัติงาน ศอ .บต . เมื่ อวั นที่ 8 พฤศจิกายน 2549 ในภาวะที่ยังไม่พร้อม ทั้งอาคารสถานที่วัสดุอุปกรณ์เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและเงินงบประมาณ และต้องปฏิบัติงานอยู่ภายใต้ภาวะความกดดัน จากการที่สังคมเกิดความคาดหวังสูงมากว่าทั้ง กอ.รมน. พตท. และ ศอ.บต. จะเป็นยาวิเศษแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมายาวนานให้ลุล่วงไป
- การดําเนินงานของ ศอ.บต. ภายใต้โครงสร้างใหม่ ได้เริ่มปฏิบัติงานจริงๆ ในเดือนมกราคม 2550 ภายใต้แนวคิดที่ว่า ศอ.บต. เป็นเพื่อนเก่าที่กลับมาแล้ว และนํานโยบายเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแปลงสู่การปฏิบัติโดย มี ภารกิจหลัก 5 ประการ คือ
1. กํากับเร่งรัด การปฏิบัติของฝ่ายพลเรือน ตามนโยบายเสริมสร้างสันติสุขในเรื่อง
การศึกษา
การอํานวยความเป็นธรรม
การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน
การสร้างความเข้าใจในพื้นที่
2. รวบรวม กลั่นกรอง บูรณาการ และเสนอแนะ การจัดทําแผนงาน /โครงการ และการตั้งงบประมาณของหน่วยราชการ และหน่วยงานของรัฐ
3. อํานวยการและประสานการปฏิบัติ ในการบริหารงานยุติธรรม การคุ้มครองสิทธิ์ และเสรีภาพ การอํานวยความยุติธรรม การเยียวยา การพิจารณากระบวนการยุติธรรม การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่ ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อขจัดเงื่อนไขความไม่เป็นธรรม
4. พัฒนาข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของรัฐที่ ปฏับัติงานใน จชต.
5. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการพัฒนา แก้ไขปัญหา จชต. โดยใช้กลไกของหน่วยราชการฝ่ายพลเรือนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นผู้ขับเคลื่อนใน 2 มิติ คือ
มิติการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
และมิติด้านการวางรากฐานในการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนศอ.บต. ได้ให้ความสําคัญกับการปฏิบัติงานที่ ครอบคลุมในทุกมิติ
แสดงความคิดเห็น