เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ นายพิชัยวัฒน์ อุตะเดช อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๙ พร้อมด้วย นายมหาชัย ศรีทองกลาง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลา นายดุสิต ผดุงศักดิ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลา นายธีระพงศ์ พงศ์สุภากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงสงขลา เดินทางเข้า สักการะศาลหลักเมืองสงขลา ในโอกาสที่ นายพิชัยวัฒน์ อุตะเดช อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๙ ย้ายเข้ามารับตำแหน่ง ใหม่ เพื่อ พื่อเสริมสิริมงคล../.
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เมืองสงขลาเป็น
เมืองที่เงียบสงบ ชาวเมืองมีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่าย
ต่างจากหาดใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของจังหวัด
มีตึกเก่าโบราณที่ยังคงความสมบูรณ์สร้างแบบชิโน-โปรตุกีส ตามถนนนครใน
นครนอก นางงาม และยะลา มีศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา เป็นอาคารแบบจีน
ตั้งอยู่ที่ถนนนางงาม สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเมืองสงขลา
และที่ถนนนางงาม ยังเป็นแหล่งอาหารพื้นเมืองและขนมไทย ๆ
ฝีมือชาวบ้านให้เลือกซื้อหาเป็นของฝาก เช่น ขนมสัมปะนี ทองม้วน ทองพลับ
หรือเต้าฮวยที่ขายมากว่า 50 ปี ที่ตรงข้ามศาลหลักเมือง และยังมีข้าวตู
ฝีมือดั้งเดิมให้ได้ลิ้มลองอีกด้วย
ประวัติศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา
ตั้งอยู่ที่ถนนนางงามเป็นโบราณสถานสมัยรัตนโกสินทร์
ลักษณะเป็นศาลเจ้าแบบเก๋งจีน สร้างสมัยพระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง ณ
สงขลา) เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา
ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ โดยมีความเป็นมา
ดังนี้ ในปี พ.ศ. 2385 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ
ให้พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) จัดการฝังหลักชัยเมืองสงขลา
ทรงพระราชทานไม้ชัยพฤกษ์หลักชัยต้นหนึ่งกับเทียนชัยเล่มหนึ่ง
พร้อมด้วยเครื่องไทยทานต่าง ๆ และโปรดเกล้าฯ
ให้พระอุดมปิฏกออกไปเป็นประธานด้านพุทธพิธี พร้อมด้วยฐานานุกรมเปรียญ 8
รูป และโปรดเกล้าณ
ให้พระครูอัฏฏาจารย์พราหมณ์ออกไปเป็นประธานฝ่ายพิธีพราหมณ์ 8 นาย
งานฝังหลักชัยเริ่มด้วยพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) เจ้าเมืองสงขลา
ได้เกณฑ์กรมการและไพร่ จัดการทำโรงพิธีใหญ่ขึ้นกลางเมืองสงขลา คือ
หน้าศาลเจ้าหลักเมือง ถนนนางงาม อำเภอเมือง โดยตั้งโรงพิธี 4 ทิศ
ในวันพิธีได้จัดขบวนแห่หลักไม้ชัยพฤกษ์กับเทียนชัยเป็นขบวนใหญ่
มีทั้งพวกชาวจีนและ ชาวไทยเพื่อแห่ไปยังโรงพิธีพระสงฆ์ราชา
คณะฐานานุกรมเจริญพระปริตร พร้อมกับพระครูสวดตามไสยเวท
เมื่อได้เวลาอุดมฤกษ์ เดือน 4 ขึ้น 10 ค่ำ ปีขาล จัตวาศก จุลศักราช 1204
(พ.ศ.2385) เวลา 7 นาฬิกา 10 นาที ตรงกับวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2385
พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) กับพระครูอัษฏาจารย์ พราหมณ์
อัญเชิญหลักไม้ชัยพฤกษ์ลงฝังที่ใจกลางเมืองสงขลา ซึ่งเรียกกันว่า
“หลักเมือง” จนทุกวันนี้ ภายหลังการฝังหลักเมืองเสร็จตามพิธีแล้ว
มีมหรสพสมโภช 5 วัน 5 คืน ในงานมีทั้งละครหรือโขนร้อง 1 โรง หุ่น 1 โรง
งิ้ว 1 โรง ละครชาตรี (โนรา) 4 โรง พระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง)
ได้ถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระพระสงฆ์ 22 รูป ต่อมาพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง)
ได้ให้ช่างสร้างตึกคร่อมหลักเมืองไว้ 3
หลังเป็นตึกจีนและสร้างศาลเจ้าเสื้อเมืองอีกหนึ่งหลัง ครั้น พ.ศ. 2460
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนลพบุรีราเมศวร์ อุปราชมณฑลปักษ์ใต้
ได้มีลายพระหัตถ์แจ้งว่าหลักเมืองจังหวัดสงขลาปลวกกัดชำรุด
พ่อค้าและประชาชนจังหวัดสงขลา
จะช่วยกันออกเงินทำเสาหลักเมืองด้วยซีเมนต์คอนกรีต
เพื่อจะได้อยู่อย่างถาวร อุดมฤกษ์ในการวางเสาหลักเมือง ตรงกับวันศุกร์ที่ 1
มีนาคม พ.ศ. 2460 ตรงกับเดือน 4 แรม 4 ค่ำ เวลา 7 นาฬิกา 22 นาที 36
วินาทีก่อนเที่ยง โหรสี่คนถือก้อนดินยืนประจำทั้ง 4 ทิศ
แล้ววางก้อนดินลงในหลุมหลักเมือง
จากนั้นจึงเชิญเสาหลักลงหลุมแล้วกลบดินเป็นปฐมฤกษ์ จนถึงเวลา 8 นาฬิกา กับ
41 นาที 36 วินาที ก่อนเที่ยง ถือเป็นฤกษ์ดีที่สุด
(กองจดหมายเหตุแห่งชาติ,2460: ม. 12/19)
เสาหลักเมืองนี้จึงอยู่คู่เมืองสงขลา
และเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองสงขลา ตราบจนทุกวันนี้
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนศาลเจ้าหลักเมืองเป็นโบราณสถาน เมื่อวันที่
25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 75
วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 โดยมีอาณาเขต คือ ทิศเหนือ ยาว 13 วา
ทิศตะวันออก ยาว 1 เส้น 5 วา ทิศใต้ ยาว 13 วา ทิศตะวันตก ยาว 1 เส้น 5 วา
นายมหาชัย ศรีทองกลาง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลาร่วมกับอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๙ สักการะศาลหลักเมืองสงขลา วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖
ป้ายกำกับ:
สักการะศาลพระภูมิ
แสดงความคิดเห็น