ตามประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ.2351 รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดเกล้าให้แยกเมืองปัตตานี เป็น 7 หัวเมืองคอเมืองปัตตานี เมืองยะหริ่ง เมือง สายบุรี เมืองหนอกจก เมืองระแงะ เมืองรามัน และเมืองยะลา สาหรับเมืองยะลามีต่วนยะลอเป็นเจาเมือง กาเนิดเมืองยะลา เริ่มตนแต่บัดนั้น และระยะนี้ทั้ง 7หัวเมืองขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช
ต่อมาปี พ . ศ . 2439 ได้มีการตราพระราชธรรมนูญศาลหัวเมือง ร .ศ .114 อ อ ก ใ ช้ บั ง ค บ แ ล ะ ต่ อ ม า ใ น ปี ร . ศ . 116 ไ ด้ มี ก า ร ป ร ะ ก า ศ ตั้ ง ศ า ล ยุ ติ ธ ร ร ม ใ น ม ณ ฑ ล นครศรีธรรมราชขึ้น ซึ่งเมืองยะลาตกอยู่ในบังคบบัญชาด้วย ต่อมายังได้มีข้อบังคบบริเวณ 7 หัวเมือง ร . ศ . 120 ออกใช้บังคบอันว่าด้วยการโรงศาลให้ใช้พระธรรมนูญศาลหัวเมือง ร . ศ .114 ในบริเวณ 7 หัวเมืองนี้รวมทั้งเมืองยะลาด้วย ในชั้นนี้จงมีศาลเมืองยะลาขึ้น อันนับเป็นต้นกาเนิดศาลจังหวัดยะลา
ต่อ มาในปี พ . ศ . 2476 ได้มีการประกาศยุบศาลมณฑลตามระราชบัญญัติ ว่าด้วย ระเบียบราชการแห่งราชอาณาจกรสยาม พุทธศกราช 2476 เมืองยะลาจงกลายเป็น จงหวัดยะลาแต่มีศาลยุติธรรมอยู่เช่นเดิม ในปี พ . ศ .2477 ได้มีพระราชบัญญัติ ให้ใช้ ก ฎ ห ม า ย พ ร ะ ธ ร ร ม นู ญ ศ า ล ยุ ติ ธ ร ร ม อ อ ก ใ ช้ บั ง ค บ ศ า ล เ มื อ ง ย ะ ล า จ ง ก ล า ย เ ป็ น “ ศาลจงหวัดยะลา ” มีอานาจทั่วทั้งจงหวัดยะลารวมทั้งอาเภอเบตงด้วย ในปี พ .ศ.2478 ได้มีพระราชบัญญัติจดตั้งศาลแขวง สาหรับหัวเมือง พ .ศ 2478 ออกใช้บังคบ ให้ตั้งศาล แขวงเบตงขึ้น มีอานาจตลอดเขตอาเภอเบตงต่อมาในปี พ.ศ 2484 ศาลแขวงเบตงได้ยกฐานะ เป็นศาลจังหวัดเบตง ศาลจังหวัดยะลาจึงคงมีอานาจทาการตลอดพื้นที่จงหวัดยะลา ยกเว้น เขตท้องที่อาเภอเบตง และ ต่อมาในปี พ . ศ . 2498 ได้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้ กฎหมายครอบครัวอิสลาม ในเขตจงหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล พ . ศ .2489 ออกใช้ บังคับ โดยให้นากฎหมายว่าด้วยครอบครัวและมรดกมาใช้บังคับแทน มีดาโต๊ะยุติธรรม 1 นาย นั่งพิจารณาชี้ขาดข้อกฎหมายด้วย
ต่อ มาในปี พ.ศ.2546 ได้มีพระราชกฤษฎีกาเปิดที่ทาการศาลจงหวัดะลาแผนกคดี เยาวชนและครอบครัว โดยเปิดทาการเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2546 มีอานาจพิจารณา คดีอาญาทั้งปวงที่เด็กและเยาวชนกระทาความผิดและคดีแพ่งเกี่ยวกับครอบครัว ตามป .แพ่ง บรรพ 5 ตลอดท้องที่จังหวัดยะลายกเว้นอาเภอเบตง
ปัจจบันศาลจงหวัดยะลามีอานาจพิจารณาคดีทุกประเภทมีเขตอานาจศาลทั่วทั้ง จังหวัดยะลายกเว้นคดีที่อยู่ในอานาจของศาลแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวจงหวัด ยะลาและ ศาลจังหวัดเบตง
ประวัติสถานที่ตั้งอาคารศาลจังหวัดยะลา
แต่ เดิมนั้นเท่าที่ตรวจพบหลักฐานตั้งแต่ พ.ศ. 2480 ลงมา เนื่องจากตัวเมือง ยะลาได้ย้ายที่ตั้งเมืองหลายแห่ง ตั้งแต่ชั้นแรกจากบ้านตาบลยะลอกูเป ได้ย้ายมา อยู่ที่ตาบลท่าสาบริมฝั่งแม่น้าปัตตานี ต่อจากนั้นได้ย้ายอีกครั้งหนึ่งมาอยู่ที่ตาบล สะเตง (ใกล้เรือนจายะลาทุกวันนี้) ก่อนจะย้ายชั่วคราวไปอยู่ใกล้เคียงโรงเรียนจีน ผดุงประชา ในที่สุดจึงย้ายมาอยู่รอบวงเวียนหลักเมืองที่ตั้งปัจจุบันนี้
อ า ค า ร ศ า ล จั ง ห วั ด ย ะ ล า ใ น ชั้ น เ ดิ ม จ ะ มี อ ยู่ อ ย่า ง ไ ร ไ ม่ ป ร า ก ฏ ห ลั ก ฐ า น แต่ระหว่างปี พ.ศ. 2480 ลงมา ขณะตัวจังหวัดตั้งอยู่ที่ตาบลสะเตงได้มีอาคารศาล จังหวัดยะลาอยู่แล้ว เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวขนาด 2 บัลลังก์ ยกพื้นสูง ปลายปี พ.ศ. 2486 ได้ย้ายที่ทาการศาลจังหวัดยะลาจากตาบลสะเตงไปอยู่ที่ใหม่ตาม โครงการผังเมืองของจังหวัดยะลา
ต้ น ปี พ . ศ . 2 4 9 0 มี ก า ร ย้า ยส ถ า น ที่ ท า ก า ร ส่ ว น ร า ช ก า ร จั ง ห วั ด ยะ ล า มาก่อสร้างขึ้นใหม่ตามผังเมืองทุกวันนี้ ต่อมาอีก 4 ปี กระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติ งบประมาณจัดตั้งอาคารศาลขึ้นใหม่ในวงเวียนหลักเมือง ตามแปลนผังเมืองที่ กาหนดไว้ โดยสร้างเป็นอาคารตึกชั้นครึ่ง ขนาด 2 บัลลังก์ อยู่ทางด้านขวามือของ ศาลากลางจังหวัด (ซึ่งก็คือที่ทาการที่ดินจังหวัดในทุกวันนี้ ) เมื่อก่อสร้างเสร็จ ได้เปิดทาการตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2496 เป็นต้นมา
ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2509 กระทรวงยุติธรรมได้ดาริให้ก่อสร้างอาคารศาลจังหวัด ยะลาขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นอาคารตึก 2 ชั้น ทรงไทย ขนาด 4 บัลลังก์ มีมุขด้านหลังเป็น ที่ทางานผู้พิพากษา ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง เป็นเงิน 1,877,400 บาท ในที่ดิน ราชพัสดุ ซึ่งเป็นส่วนของสานักงานที่ดินจังหวัดยะลา เปิดทาการตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2510 จนถึงป พ.ศ. 2539
ใน ปี พ.ศ. 2539 กระทรวงยุติธรรม ได้รับงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารศาล จังหวัดยะลาขึ้นใหม่ ในบริเวณเดิม เป็นตึก 3 ชั้น ขนาด 14 บัลลังก์ 1 หลัง เป็น เงิน 92,900,000 บาท โดยในระหว่างทาการก่อสร้างศาลจังหวัดยะลา ได้รับ ความอนุเคราะห์จากศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชนเขต 9 ให้ใช้อาคาร หอพักผู้เข้ารับการอบรมของศูนย์ฯ เป็นอาคารที่ทาการศ าลจังหวัดยะลาชั่วคราว ต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2542 จึงได้ย้ายจากที่ทาการศาลชั่วคราวมาอยู่ ณ ที่ทาการ ศาลหลังใหม่ซึ่งเป็นอาคารที่ทาการศาลปัจจุบัน…
แสดงความคิดเห็น