ประวัติความเป็นมาของศาลจังหวัดนราธิวาส
ศาลจังหวัดนราธิวาส กำเนิดขึ้นในปี พ.ศ.2450 เดิมชื่อ ศาลตะลุบัน เมืองสายบุรี มณฑลปัตตานี (ปัจจุบัน คือ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี) มีตราประจำศาลเป็นงาช้าง ขณะนี้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศาลไทย
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครอง จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นศาลจังหวัดนราธิวาส และต่อมาปี พ.ศ.2507 ได้ก่อสร้างอาคารคอนกรีต 2 ชั้น ขนาด 4 ห้องพิจารณา ตั้งอยู่ที่ ถนนพิชิตบำรุง ตำบลบางนาค อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ในปี พ.ศ.2539 ทางราชการได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 93,500,000 บาท ให้ทำการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนราธิวาสหลังใหม่ ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตขนาด 3 ชั้น บนเนื้อที่จำนวน 14 ไร่ 1 งาน 93.75 ตารางวา ภายในศูนย์ราชการตำบลโคกเคียน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ขนาด 14 ห้องพิจารณาคดี และได้ย้ายมาเปิดทำการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2543 ส่วนอาคารที่ทำการหลังเดิมได้ยกให้เป็นที่ทำการของศาลจังหวัดนราธิวาสแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว
เขตอำนาจ ศาลจังหวัดนราธิวาสสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและคดีอาญาทั้งปวงที่เกิดขึ้นในเขตจังหวัดนราธิวาส เว้นแต่คดีที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดนราธิวาสแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว โดยมีอำนาจครอบคลุมพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งมี 13 อำเภอ ได้แก่ 1. อำเภอเมืองนราธิวาส 2. อำเภอตากใบ 3. อำเภอสุไหงโก-ลก 4. อำเภอสุไหงปาดี 5. อำเภอแว้ง 6. อำเภอระแงะ 7. อำเภอรือเสาะ 8. อำเภอยี่งอ 9. อำเภอบาเจาะ 10. อำเภอสุคิริน 11. อำเภอจะแนะ 12. อำเภอเจาะไอร้อง 13. อำเภอศรีสาคร
ลักษณะพิเศษของศาลจังหวัดนราธิวาส เป็นศาลที่มีการใช้กฎหมายอิสลามเช่นเดียวกันกับศาลจังหวัดยะลา ศาลจังหวัดปัตตานี และศาลจังหวัดสตูล ซึ่งเป็นศาลที่ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม เรียกว่า ดะโต๊ะยุติธรรม ซึ่งมีประจำศาลละ 2 คน รวมทั้งประเทศจึงมีดะโต๊ะยุติธรรมเพียง 8 คน
การใช้กฎหมายอิสลามมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยที่มีการปกครองบริเวณ 7 หัวเมือง พ.ศ.2444 (ร.ส.120) ในสมัยนั้นมีข้อบังคับสำหรับปกครองบริเวณ 7 หัวเมือง ร.ศ.120 ว่าให้ใช้พระราชกำหนดกฎหมายทั้งปวงทั้งในความอาญา และความแพ่ง แต่ความแพ่งซึ่งเกี่ยวด้วยศาสนาอิสลามเรื่อง ผัวเมียก็ดี มรดกก็ดี ที่คนนับถือศาสนาอิสลามเป็นโจทก์เป็นจำเลย ให้ใช้กฎหมายอิสลาม และให้โต๊ะกาลี ซึ่งเป็นผู้รู้และเป็นที่นับถือในศาสนาอิสลามเป็นผู้พิพากษาตามกฎหมายอิสลามนั้น ซึ่งต่อมาโต๊ะกาลีดังกล่าวได้มีข้อกำหนดในสารตรากระทรวงยุติธรรมให้เรียกว่า ดะโต๊ะยุติธรรม
บริเวณ 7 หัวเมืองดังกล่าว ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ถูกยุบและตั้งเป็นจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส ดังนั้นศาลใน 3 จังหวัด นี้จึงได้มีการใช้กฎหมายอิสลามมาก่อนนานแล้ว ส่วนจังหวัดสตูลนั้นได้เริ่มมีสารตรากระทรวงยุติธรรมให้มีขึ้นในภายหลัง เนื่องจากเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวนมาก
ต่อมาในปี พ.ศ.2489 ได้มีประกาศพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดสตูล เป็นกฎหมายรองรับถึงการใช้กฎหมายอิสลามใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษไปจากจังหวัดอื่น
จึงพอสรุปได้ว่าอิสลานิกชนใน 4 จังหวัดภาคใต้ที่มีข้อพิพาทกันเกี่ยวกับครอบครัวและมรดกให้มีดะโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลามเท่านั้น ดังนั้น ข้อกฎหมายอิสลามจึงยุติแต่ในศาลชั้นต้น จะไม่มีการอุทธรณ์ ฎีกา และเป็นไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลาม
แสดงความคิดเห็น